#ชี้เป้า เทียบชัด ๆ 8 แอปฟังเพลง ใช้แอปไหนดีที่สุด?
กิจกรรมแก้เหงาที่ดีที่สุดที่ #ชี้เป้า เชื่อว่า 98.765% ของประชากรบนโลก
จะต้องเลือกการฟังเพลงเป็นกิจกรรมแก้เหงา แก้เบื่อกันแน่ๆ!
🎼🎼🎼
แต่ แอปฟังเพลง เดี๋ยวนี้ก็มีเยอะจนเลือกไม่ถูก แถมบางแอปยังต้องมีค่าใช้จ่ายรายเดือนอีก
#ชี้เป้า เลยจับเอา 8 แอปดังยอดนิยมของ พ.ศ. นี้ มาเปรียบเทียบให้ทุกคนดูชัด ๆ กันไปเลย
หวังว่าคงช่วยใครหลายคนตัดสินใจเลือก แอปฟังเพลง ที่โดนใจที่สุดได้นะ !
🎼🎼🎼
สำหรับหน้าตาการใช้งาน รายละเอียดแต่ละแอป เพื่อน ๆ สามารถคลิกดูตามชื่อแอปที่สนใจได้เลย
ส่วนบทสรุปความแตกต่างของทั้ง 8 แอป เลื่อนลงไปดูได้ที่ท้ายบทความเลยจ้า
แอปฟังเพลงยอดนิยมระดับโลกที่มีเพลงให้เราเลือกมากมายในระบบมาถึง 30 ล้านเพลง ซึ่งถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่มาก และนอกจากนี้ ยังมีรายการพอดแคสต์ทั้งของไทยและต่างประเทศให้เลือกฟังอีกด้วย ค่าบริการรายเดือน: ทดลองใช้ฟรี 3 เดือนแรก ความน่าสนใจของแอป: 👍มีระบบจัดการมิกซ์เพลย์ลิสต์ให้อัตโนมัติจากเพลงที่เราชอบฟัง และแนะนำเพลงที่เราน่าจะชอบได้อย่างฉลาดพอตัว 👍มีเพลงอัปเดตเข้ามาใหม่ ๆ อยู่เสมอ 👍สามารถสร้างเพลย์ลิสต์ของตัวเองและเปิดเป็นสาธารณะเพื่อแชร์ให้ User อื่น ๆ ฟังได้ (ถ้าคนสนใจเพลย์ลิสต์ของเราก็จะมากดติดตามเพลย์ลิสต์นั้น ๆ) 👍ดาวน์โหลดเพลงและพอดแคสต์เก็บไว้ฟังออฟไลน์ได้
ใช้งานได้ที่ : iOS , Android , Mac , Apple TV และ PC ค่าบริการรายเดือน : ฟรี 3 เดือน หลังจากหมดช่วงทดลองใช้จะมีแพคเกจให้ใช้ตามตารางนี้
ความน่าสนใจของแอป : 👍ส่วนใหญ่เป็นเพลงสากล เพลงสากลจะเยอะมาก เพลงไทยก็จะมีให้เลือกฟังเหมือนกัน 👍มีวิทยุให้ฟังฟรีตามแนวเพลงที่ชอบด้วย 👍โหลดเพลงมาฟังออฟไลน์ได้ด้วยนะ
ใช้งานได้ที่ : iOS , Android, PC ค่าบริการรายเดือน : ฟังฟรีตลอด แต่มีโฆษณาคั่น ยกเว้นเพลงที่เป็น VIP จำกัดเฉพาะคนที่เสียเงินหรือทำตามกติกาของ Joox เพื่อรับสิทธิ์ฟรีเท่านั้น
ความน่าสนใจของแอป : 👍ส่วนใหญ่เป็นเพลงไทยมากกว่าครึ่ง เพลงไทยในแอปเยอะมาก มีแทบทุกแนวให้เลือกฟัง เหมาะกับสายชอบฟังเพลงไทยมากที่สุด 👍เพลย์ลิสต์ให้เลือกฟังตามสถานการณ์ ตามอารมณ์ด้วย 👍สามารถร้องคาราโอเกะได้ 👍มีรายการ Podcast ภาษาไทยให้ฟังเยอะ 👍มีไลฟ์และวิดีโอของศิลปินไทยให้ชม
ใช้งานได้ที่ : iOS , Android , PC , Mac , Windows Phone , BlackBerry , Apple Watch ค่าบริการรายเดือน : ทดลองใช้ฟรี 30 วัน หลังจากนั้นคิดค่าบริการ 155 บาท / เดือน และแพคเกจแบบครอบครัวในราคา 235 บาท/เดือน
ความน่าสนใจของแอป :👍สามารถใช้ได้บนหลายอุปกรณ์ตั้งแต่มือถือไปจนถึงทีวีเลยทีเดียว 👍ดาวน์โหลดเพื่อฟังออฟไลน์ได้ รวมไปจัดหมวดให้ค้นหาตามแนวเพลงเลย 👍แนวเพลงในแอปจะเน้นหนักไปทางเพลงสากล เพราะเพลงสากลเยอะมาก 👍เพลงไทยมีบ้าง แต่ยังน้อยอยู่ แต่ที่ชอบมากเป็นพิเศษคือ มีเพลง RS เก่าๆ ให้ฟังเยอะมาก
ใช้งานได้ที่ : iOS , Android , PC ค่าบริการรายเดือน : ฟรี ความน่าสนใจของแอป : 👍เพลงส่วนใหญ่อินดี้มาก เหมาะกับคนที่ชอบแนวนี้โดยเฉพาะ 👍มีระบบให้อัพเพลงขึ้นบนเว็บไซต์ด้วย ก็ยิ่งเพิ่มคลังเพลงสุดอินดี้ให้เราฟังมากขึ้นไปอีก ตอบโจทย์คนชอบเพลงแนวๆ สุดๆ เลยล่ะ 👍มีเพลย์ลิสต์แปลกๆ ชวนให้เรากดเข้าไปดูตลอด ฟังเพลงเพลิน เล่นเพลินกันไปข้างเลย
ใช้งานได้ที่ : iOS , Android , PC ค่าบริการรายเดือน : ฟรี
ความน่าสนใจของแอป : 👍ด้วยความที่คนทั่วไปสามารถอัพโหลดเพลงของตัวเองขึ้นไปได้เลยทำให้ในแอปนี้มีเพลงที่ต่างจากแอปอื่นมากๆ 👍ใครชอบหาเพลงใหม่ๆ ไม่คุ้นหูฟังละก็ แอปนี้ตอบโจทย์มากๆ 👍ส่วนใหญ่มักจะเป็นเพลงสากลมากกว่า เพราะคนไทยไม่ค่อยจะเล่นแอปนี้มากเท่าไหร่ 👍ใครชอบเพลงแนวสากลและโคฟเวอร์แอปนี้เหมาะมากๆ!
แอปนี้คือแอป YouTube ในเวอร์ชั่นที่ทำออกมาให้เอื้อต่อการฟังเพลงมากขึ้น ซึ่งเราสามารถฟังเพลงในแอป YouTube Music ได้ และสามารถฟังโดยตรงจาก YouTube แบบปิดหน้าจอได้ด้วยนะ เหมาะมากสำหรับใครชอบฟังเพลงจาก YouTube มากกว่าในแอปฟังเพลงอื่น ๆ ใช้งานได้ที่ : iOS , Android , PC ค่าบริการรายเดือน : ทดลองใช้ฟรี 3 เดือนแรก ความน่าสนใจของแอป : 👍คลังเพลงของแอปนี้ ไม่พูดเยอะ เพราะมันคือคลังเพลงจาก YouTube นั่นเอง มีมากมายตอบโจทย์ทุกความต้องการ 👍สามารถดู Live การแสดงของศิลปินได้ และดู MV ได้ด้วยนะ 👍ถ้าเราเคย Subscribe วงดนตรีหรือศิลปินไว้ก็จะขึ้นมาอัตโนมัติใน YouTube Music เลยจ้า 👍ดาวน์โหลดไว้ฟังออฟไลน์ได้ 👍ไม่ต้องเปิดหน้าจอมือถือเพื่อฟังเพลงจาก YouTube อีกต่อไป
แอปนี้คือแอปที่เป็นที่นิยมมากในต่างประเทศอีกเจ้าหนึ่ง เพราะคุณภาพเสียงของเค้าดีมาก ล้ำลึก นุ่มหู ฟังแล้วรู้สึกฟินกว่าทุกแอปเลย แต่เหมาะกับคนชอบฟังเพลงสากลนะ ทุกอย่างในแอปเป็นภาษาอังกฤษหมด ยังไม่มีภาษาไทยรองรับน้า ใช้งานได้ที่ : iOS , Android , PC ค่าบริการรายเดือน : ใช้ฟรี 1 เดือนแรก ความน่าสนใจของแอป : 👍คุณภาพเสียงคับแน่น ฟังผ่านหูฟังก็คือดีต่อใจมาก 👍มีฟีเจอร์ Video สามารถดู MV หรือ Live คอนเสิร์ต ได้ 👍มีเพลย์ลิสต์ที่เป็นเพลย์ลิสต์ MV ทั้งหมดด้วย คล้ายกับฟังจาก YouTube เลย 👍ดาวน์โหลดไว้ฟังออฟไลน์ได้ 👍เพลงเป็นสากลกับละตินซะเป็นส่วนใหญ่น้า ไม่เหมาะกับสายเพลงไทยหรือ K – pop เท่าไหร่Spotify
Spotify
Apple Music
Apple Music
แอปฟังเพลงที่ถูกปล่อยออกมาจาก Apple ที่เปิดให้บริการในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งเป็นแอปฟังเพลงขนาดใหญ่ที่มีเพลงเยอะมาก โดยเพราะเพลงสากล แต่ก็มีเพลงไทยด้วยนะ
JOOX
JOOX
แอปฟังเพลงออนไลน์อีกแอปที่มีต้นกำเนิดมาจากเว็บ Sanook และเป็นที่นิยมค่อนข้างมาก ด้วยการก่อตั้งขึ้นมาในประเทศไทย แอปนี้เลยมีภาษาไทยให้ใช้ตลอดทั้งแอปด้วย ซึ่งก็ไม่ต้องงมหนักมากนั่นเอง
Deezer
Deezer
แอปฟังเพลงที่เน้นไปทางสากลที่ใหญ่มากอีกแอปนึง ที่คนใช้เครือข่าย DTAC น่าจะรู้จักกันดี ซึ่งแอปนี้รองรับการใช้งานในหลายอุปกรณ์ได้ดีมาก
Fungjai
Fungjai
นึกถึงเพลงอินดี้ต้องมาที่ Fungjai มีแค่เพลงไทย และอัดแน่นไปด้วยศิลปินอินดี้แบบจุใจ
SOUNDCLOUD
SOUNDCLOUD
แอปนี้ออกจะแตกต่างจากแอปฟังเพลงที่ผ่านๆมา เพราะเป็นแอปที่สามารถให้คนทั่วไปอัพโหลดเพลงของตัวเองขึ้นไปได้ ทำให้ได้ฟังเพลงหลายๆ แนวที่ไม่เคยฟังมาก่อนในแอปนี้
YouTube Music
YouTube Music
Tidal
Tidal
บทสรุปความแตกต่างของแต่ละแอป
แอปไหนเหมาะกับใครบ้าง
#สายฟังเพลงหลากหลาย ครบเครื่องไทย สากล เกาหลี : Spotify, Apple Music, YouTube Music, JOOX
#สายเพลงสากลกระแสหลัก : Tidal, Spotify, Apple Music, YouTube Music, Deezer
#สายเพลงไทยกระแสหลักและเพลงลูกทุ่ง : JOOX
#สายเพลงไทยอินดี้ : Fungjai
#สายเพลงสากลอินดี้ : SoundCloud
#สายเน้นคุณภาพเสียงรื่นหู : Tidal
#สายร้องคาราโอเกะ : JOOX
#สายฟัง Podcast : Spotify, Apple Music
#สายใช้ DTAC : Deezer
#สายใช้ iOS : Apple Music (เชื่อมต่อได้ทุกอุปกรณ์ iOS ทั้ง iPhone, iPad และ MacBook ต่าง ๆ)
#สายฟังฟรี : JOOX (มีโฆษณา), Fungjai (ฟรีและไม่มีโฆษณา) , SoundCloud (ฟังฟรี แต่ถ้าอัปเพลงของตัวเอง ไม่ฟรีนะจ๊ะ)
เรียงลำดับค่าบริการแต่ละแอป
Fungjai : ฟรี
SoundCloud : ฟรี
JOOX : ฟรี (มีโฆษณา) ส่วนรายเดือนอยู่ที่ 129฿/เดือน
Apple Music : ราคานักศึกษา 69฿/เดือน ส่วนบุคคลทั่วไป 129฿/เดือน แต่ถ้าหาร Family 6 คน 199 ฿/เดือน จะเหลือ 34฿/คน/เดือน
Spotify : 129฿/เดือน แต่ถ้าหาร Family 6 คน 199 ฿/เดือน จะเหลือ 34฿/คน/เดือน
Deezer : 155฿/เดือน แต่ถ้าหาร Family 6 คน 235฿/เดือน จะเหลือ 40฿/คน/เดือน
YouTube Music : 159฿/เดือน แต่ถ้าหาร Family 6 คน 199 ฿/เดือน จะเหลือ 34฿/คน/เดือน
Tidal : แบบคุณภาพเสียงปกติ 169฿/เดือน และคุณภาพเสียง HiFi 339฿/เดือน
🎼🎼🎼
โดยสรุปแล้ว แต่ละแอปก็มีความดีงามแตกต่างกันขึ้นอยู่กับการใช้งาน
ส่วนตัวเรามีมากถึง 4 แอปในเครื่องเดียว😅 คือ Spotify, Joox, Fungjai และ YouTube Music
โดยเหตุผลที่เลือกใช้แต่ละแอปก็แตกต่างกันออกไป…
เราชอบการมิกซ์เพลย์ลิสต์ของ Spotify
แต่พวกเพลง Cover หรือเพลงที่ Spotify ไม่มี เราก็จะไปฟังใน YouTube เอา
ส่วน JOOX กับ Fungjai เค้าให้ใช้งานฟรีเราก็เลยโหลดติดเครื่องไว้เผื่ออยากเปลี่ยนบรรยากาศ
แต่แอปที่ใช้บ่อยสุดน่าจะเป็น Spotify✨
🎼🎼🎼
ถ้าใครยังตัดสินใจไม่ได้ แนะนำ ลองทดลองใช้งานฟรีก่อน เพราะแต่ละแอปเค้าก็มีให้ทดลองใช้ฟรี 1 – 3 เดือนนะ
💁🏻บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
#ชี้เป้า Apple Music VS Joox ฟังเพลงจากแอปไหน ใช่กว่ากัน?
ดูหนังและซีรีย์ออนไลน์แบบถูกลิขสิทธิ์กัน (ฉบับพื้นฐาน)
#ชี้เป้า iflix VS Netflix ดูหนังและซีรี่ย์ออนไลน์ที่ไหนใช่และคุ้ม!