#ชี้เป้า Apple Music VS Joox ฟังเพลงจากแอปไหน ใช่กว่ากัน?
แอปนึงที่ขาดไม่ได้ในมือถือเราคงหนีไม่พ้นแอปฟังเพลงแน่ๆ และถ้าพูดถึงแอปฟังเพลงที่ถูกลิขสิทธิ์อันดับต้นๆ ของคนชอบฟังเพลงก็คงจะเป็น Apple Music และ Joox วันนี้ #ชี้เป้า จะพาไปสำรวจกันชัดๆ ว่า 2 แอปนี้มีความแตกต่างกันตรงไหน ยังไงบ้าง แอปไหนจะเหมาะกับเพื่อน ๆ ที่สุด มาเช็กไปพร้อมกันเลย!
Apple Music
แอปฟังเพลงที่ถูกปล่อยออกมาจาก Apple ที่เปิดให้บริการในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งเป็นแอปฟังเพลงขนาดใหญ่ที่มีเพลงเยอะมาก ที่ให้บริการบน Android ด้วย
ใช้งานได้ที่ : iOS , Android , Mac , Apple TV และ PC
ช่วงเวลาทดลองใช้งานฟรี : 3 เดือน
ค่าบริการหลังหมดช่วงทดลองใช้ :
- สมาชิกแบบบุคคล (Individual Membership) – 129฿/เดือน
แพคเกจแบบใช้งานคนเดียว สามารถฟังเพลงทุกเพลงใน Apple Music
- สมาชิกแบบครอบครัว (Family Sharing Membership) – 199฿/เดือน
แพคเกจแบบครอบครัว สามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 6 คน สามารถจัดการให้เด็กๆ ฟังเพลงและใช้จ่ายอย่างเหมาะสม
- สมาชิกแบบนักศึกษา (University Membership) – 69฿/เดือน
แพคเกจราคาคุ้ม ๆ สำหรับนักศึกษา จะได้รับส่วนลดนานสูงสุด 48 เดือน (4 ปี) โดยปีที่สมัครไม่จำเป็นต้องติดต่อกัน แต่จะต้องมีชื่ออยู่ในมหาวิทยาลัยในระหว่างที่ซื้อแพคเกจนี้
แพคเกจทั้งหมดสามารถจ่ายเงินผ่านการตัดบัตรเครดิตหรือเดบิตได้เท่านั้น
วิธีการรับสิทธิ์ฟรี :
แนวเพลงที่จะเจอได้ใน Apple Music : เป็นเพลงที่มีอยู่ใน iTunes เกือบทุกเพลง ส่วนใหญ่เป็นเพลงสากล เพลงไทยก็จะมีให้เลือกฟังเยอะเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่ได้ครอบคลุมมากมายในหลาย ๆ แนวเพลงของไทย เพลงชาติอื่นอย่างเกาหลี ญี่ปุ่น หรือจีนก็มีให้เลือกฟังด้วย เพลงใหม่ๆ ค่อนข้างอัพเดตไวมาก และเพลงเก่าหลายปีก่อน ๆ ค่อนข้างมีเยอะพอสมควร
อ๋อ ข้อสังเกตข้อนึงคือ ยังไม่มีเพลงค่าย RS ให้ฟังในแอปนี้นะ
การใช้งานเบื้องต้น :
หน้าตาภายในแอประหว่าง iOS กับ Android จะมีการจัดวางเมนูต่างๆ แตกต่างกันนิดหน่อย แต่ก็มีเมนูให้ใช้งานเหมือน ๆ กันเลย
- โดยเมนูแรกที่แนะนำคือ For You จะเห็นการจัด Playlist ประจำวันที่ใกล้เคียงกับความสนใจของเรา หรือแนะนำเพลงหรืออัลบั้มที่เราน่าจะสนใจ
- ที่แท็บ Browse บน Android หรือแท็บ New บน iOS จะมีเพลงใหม่ๆ ให้เราฟัง รวมไปถึงเพลงที่ติดชาร์ต และเพลย์ลิสท์ที่น่าสนใจ
- ในเมนู Connect จะรวบรวมอัพเดตข่าวสารเกี่ยวกับเพลงของศิลปินที่เราติดตาม
- เมนู Radio เป็นส่วนที่ฟังวิทยุได้แบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายถึงแม้จะไม่สมัครสมาชิกก็ตาม มีให้เลือกฟังตามสไตล์ที่ชอบได้ด้วย
- เมนูสุดท้าย เมนู My Music ใน iOS หรือเมนู Library ใน Android ที่จะเป็นแหล่งรวมเพลงที่เราเก็บไว้เป็นเพลย์ลิสท์ และเพลงที่เราโหลดไว้ฟัง Offline
ฟังเพลงแบบ Offline : สามารถโหลดไว้ฟังตอนที่ไม่มีเน็ตใช้ได้ด้วย ทั้งเวอร์ชั่น iOS , Android , Mac และ PC โดยมีวิธีการโหลดดังนี้
Joox
แอปฟังเพลงออนไลน์อีกแอปที่มีต้นกำเนิดมาจากเว็บ Sanook และเป็นที่นิยมค่อนข้างมาก ด้วยการก่อตั้งขึ้นมาในประเทศไทย แอปนี้เลยมีภาษาไทยให้ใช้ตลอดทั้งแอปด้วย ซึ่งก็ไม่ต้องงมหนักมากนั่นเอง
ใช้งานได้ที่ : iOS , Android
ช่วงเวลาทดลองใช้งานฟรี : ฟังฟรีตลอด ยกเว้นเพลงที่เป็น VIP จำกัดเฉพาะคนที่เสียเงินหรือทำตามกติกาของ Joox เพื่อรับสิทธิ์ฟรีเท่านั้น ซึ่งสามารถสมัครใช้ได้ง่ายๆ ผ่าน Facebook หรือ WeChat
ค่าบริการส่วนของ VIP :
ในส่วนของ VIP จะมีทั้งแบบฟรี และแบบจ่ายเงิน ซึ่งจะมีวิธีการรับสิทธิ์ฟรีง่ายๆ แบบนี้ค่ะ
- การแชร์ประจำวัน – VIP 2 ชั่วโมง
สามารถเลือกแชร์เพลงที่ชอบโดยการกดแชร์ไปที่ Facebook หรือ Wechat แค่นี้ก็จะได้รับสิทธิ์ฟังเพลงไม่อั้น 2 ชั่วโมง (เมื่อก่อนได้ถึง 1 วันเลยล่ะ) พอสิทธิ์ VIP หมดปุ๊ปก็สามารถแชร์รับสิทธิ์ใหม่ได้อีกทันที
- ฟังเพลงผ่านเว็บไซต์ Sanook Music – VIP 5 วัน
อยากได้วันเพิ่มถึง 5 วัน ก็สามารถรับสิทธิ์ได้โดยการล็อคอิน Joox บนเว็บไซต์ music.sanook.com บนเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น แถมยังฟังเพลงบนเว็บไซต์ได้อีกด้วยนะ
- ชวนเพื่อน – VIP 30 วัน
รับสิทธิ์ VIP 30 วันเมื่อชวนเพื่อนให้ดาวน์โหลดแอปและลงทะเบียนเป็น VIP งานนี้เพื่อนก็ได้ไปเลย 35 วันเหมือนกันนะ
ส่วนเสียเงินก็จะมีให้เลือกแพคเกจตั้งแต่ 1 อาทิตย์ไปจนถึง 1 ปีเลยทีเดียว โดยมีตารางราคาดังนี้ค่ะ
ซึ่งสิทธิ์ประโยชน์นอกเหนือจากการได้ฟังเพลงที่เป็น VIPแล้ว ก็ยังสามารถฟังต่อเนื่องโดยไม่มีโฆษณาคั่น และยังมีคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นอีกด้วย
ในส่วนของการจ่ายเงินก็สามารถจ่ายเงินผ่านการตัดบัตรเครดิตหรือเดบิตได้เท่านั้น
**ตอนนี้ Joox มีโปรสำหรับคนที่สมัคร VIP ครั้งแรก รับเพิ่มอีก 14 วัน ซื้อมากกว่า 3 เดือนขึ้นไป รับเพิ่มเป็น 5 เดือนไปเลย ใครยังไม่เคยซื้อ VIP ก็ลองกันได้นะ
แนวเพลงที่จะเจอได้ใน Joox : ส่วนใหญ่เป็นเพลงไทยมากกว่าครึ่ง ซึ่งจะมีแนวเพลงของไทยที่หลากหลายกว่า Apple Music และเพลงไทยจะอัพเดตเยอะและเร็วมาก มีแทบจะทุกค่ายเลย ต่างจาก Apple Music ทางฝั่งเพลงสากลก็มีการอัพเดตไวพอสมควรเช่นกัน แต่กลับกันคือ เพลงฝั่งเอเชียอย่างเกาหลี ญี่ปุ่น หรือจีนจะมีเพลงออกมาค่อนข้างช้า และเพลงเก่าๆ บางเพลงก็ไม่สามารถหาจาก Joox ได้ ถ้าเทียบกับ Apple Music
การใช้งานเบื้องต้น :
- เปิดมาหน้าแอปปุ๊ป จะเจอกับ Discover ก็มีให้เราเลือกฟังได้เป็นหมวดๆ
- Joox เรดิโอที่มีแบ่งไปตามธีม ตามแนวเพลง ให้ได้ฟังกันตามอารมณ์
- อยากฟังเพลงฮิตติดชาร์ตก็มี Top Charts ให้เลือกฟังเป็นลิสต์ๆ เพลง Indie ยังมีเลยนะ
- Theme Playlist ฟังเพลงตามธีม ตามอารมณ์ จัดมาเป็นเพลย์ลิสท์
- รวมฮิตศิลปินดัง ชอบเพลงของใครเป็นพิเศษก็ฟังแบบยกทุกอัลบั้มเลยก็ยังได้
- ถ้าฟังเพลงแล้วอยากหาบทความดี ๆ อ่าน ก็มีคอลัมน์เพลงให้อ่านกันแบบเพลินๆด้วยนะ
ฟังเพลงแบบ Offline : Joox เองก็มีให้โหลดเพลง โดยมีวิธีการโหลดดังนี้
Apple Music VS Joox Music
สรุปแล้ว ต่างกันตรงไหนนะ?
แนวเพลงของสองแอปนี้มีความต่างกันอยู่ระดับนึงเลย
- ใครที่ชอบเพลงสากล ออกแนวเพลงต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่แนะนำ Apple Music เลย เพราะมีเพลงสากลเยอะมาก เพลงใหม่ก็จะออกไวกว่า
- ใครชอบฟังเพลงไทยแนวป๊อป ร็อค ลูกทุ่ง อินดี้ ฝั่ง Joox จะมีค่อนข้างครบกว่า เทียบกับฝั่ง Apple Music ที่ไม่มีเพลงค่าย RS เลย แต่ข้อดีเล็กน้อยในการเลือกฟัง Apple Music คือเพลงของแต่ละศิลปินค่อนข้างครบกว่า
- ใครชอบสายเกาหลี ญี่ปุ่น จีน มีให้ฟังทั้งสองฝั่ง แต่ถ้าเทียบกันแล้ว Apple Music จะมีเพลงครบกว่า ฝั่งทาง Joox ค่อนข้างจะหาเพลงฝั่งเอเชียได้น้อยกว่าเยอะเหมือนกัน
เรามาลองเทสการหาเพลงให้ดูกันว่าสองแอปนี้ต่างกันยังไง!
จะเห็นว่าจากการเทส ใน Apple Music จะไม่มีเพลงไทยของค่าย RS เลย ส่วนใน Joox จะมีเพลงสากล เพลงเอเชียน้อยกว่า
ใครชอบแบบไหนมากกว่ากัน ก็เลือกใช้แอปได้ตามรสนิยม
แต่ถ้าฟังแนวไหนก็ได้ แต่ยังลังเลว่าตัวเองเหมาะกับแอปไหนมากกว่า สามารถดูตารางสรุปเปรียบเทียบและเลือกกันตามที่สะดวกได้เลย!